BMW R 18 รถที่ผม “ไม่อยากจะลอง” แต่ก็แอบมองอยู่มาตลอด 1 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดตัวในช่วง กุมภา 2021 เพราะกลัวจะ “ติดใจ” กับอารมณ์ของการสานต่อเครื่องยนต์รหัส R ที่จัดได้ว่าเป็นตำนานของ BMW ที่มากับพิกัด 1802 cc ที่นับได้ว่าใหญ่โตที่สุด เท่าที่ BMW เคยรังสรรออกมาบนพาหนะ 2 ล้อคันนี้
กับการสานต่อเครื่องยนต์ R “Boxer” ที่โดดเด่นจนเป็นเอกลักษณ์ประจำ BMW ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1923 หรือเรียกว่าประสบการณ์ “99” ปี กับ Boxer ถูกจับมารวมไว้ใน BMW R 18 คันนี้นั่นแหล่ะครับ (2022)
ซึ่งการออกแบบ R 18 นั้นต้องบอกว่าใช้คาแรคเตอร์ของ BMW R 5 ในพิกัด 500 cc ที่จัดได้ว่าเป็น “ตำนาน” แห่ง BMW กับการสร้างชื่อตั้งแต่ปี 1936 นำมาผสมปรุงแต่งเข้ากับ เทคโนโลยี และองค์ความรู้ในการสร้างสรรค์รถให้เข้าถึงได้ง่าย แต่คงไว้ด้วยอารมณ์อย่างเต็มเปี่ยม
และในคราวนี้ ต้องขอขอบคุณ BMW Motorrad ที่ให้เกียรติกับผมได้มาเติมเต็มอารมณ์ของการเดินทางบน Cruiser ยักษ์ใหญ่กันแบบ “สาสม” เลยทีเดียว … เพราะคราวนี้ผมได้มีโอกาสขับขี่ BMW R 18 ทั้ง 3 รุ่นหลัก ที่ปรับแต่งกันมาให้ได้ลองกันถึง “4 รุ่น 6 อารมณ์” ของการขับขี่ ด้วยชุดแฮนด์แต่งที่หลากหลาย ให้ได้ลองกันอย่างเต็มเปี่ยมเลยทีเดียว
งานศิลป์ร่วมสมัยกับศาสตร์แห่งเทคโนโลยีที่เต็มเปี่ยม พร้อมโหมดการขับขี่ที่เรียกกันใหม่ว่า Rock – Rain – Roll (Rock & Roll)
ความแตกต่างที่ปรุงแต่งเพียงเล็กน้อย แต่สร้างสรรค์อารมณ์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด
*R 18 Classic จะมากับล้อหน้าที่เล็กลงเป็น 3.0”x16” และล้อหลัง 5.0”x16”
ต้องบอกว่าเป็นการไล่เทียบรายละเอียดของตัวรถที่ยากมากเลยหล่ะครับ เพราะถ้าดูผ่านๆนั้น เข้าใจว่าจะเหมือนกันหมดเลย ต่างกันแค่อุปกรณ์นี่หน่า … แต่ต้องบอกว่า “ไม่ใช่” เพราะรายละเอียดการเซตติ้งต่างๆของตัวรถนั้น “คิดเยอะ” มาก
BMW ถึงขนาดปรับเฟรมให้กับ R 18 B และ R 18 Transcontinental ให้แข็งแรงขึ้น รองรับน้ำหนักได้มากขึ้น รวมไปถึงช่วงล่าง และชุดปั๊มเบรคที่แตกต่างกัน เพื่อรองรับกับน้ำหนัก “ที่สำคัญ” คือการปรับองศาของแฮนด์ และตำแหน่งยึด เพื่อให้ตอบสนองกับการขับขี่ที่แตกต่างกันไปอีกขั้น ….
“คิดเยอะจัดอีกแล้ว” ซึ่งเราไม่ค่อยจะได้เห็นความแตกต่างกันมากขนาดนี้ในรถที่เป็น Series เดียวกันจากค่ายอื่นซักเท่าไหร่เลยครับ แต่กับ BMW รายละเอียดทั้งหมดนั้น คำนวน และทดสอบมาแล้วเป็นอย่างดี ด้วยคำที่ติดอยู่บนตัวรถว่า “Berlin Built”
อุปกรณ์ใหม่ๆของปัจจุบัน ประสานเข้ากับกลิ่นอายของตำนาน
ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูร่วมสมัย แต่ซ่อนไว้อย่างเต็มเปี่ยมกับเทคโนโลยีจาก BMW ไล่เรียงกันมาเลยดีกว่า
เฉพาะบน R 18 B / Transcontinental
- หน้าจอแบบ TFT ขนาด 10.25” ที่แสดงข้อมูลอย่างเต็มเปี่ยม
- Rear Suspension ALL features ที่ปรับการตอบสนองให้ตามน้ำหนักที่บรรทุกได้เอง
- Full Integral ABS – เบรคเลย กดหน้าหลัง ให้เต็มที่ รถช่วยเอง
อุปกรณ์พื้นฐานมีทุกรุ่น
- Keyless Ride หยิบกุญแจใส่กระเป๋า แล้วไปกันเลย ไม่ต้องมา ถอดถุงมือล้วงกางเกงหาที่เสียบกันแล้ว
- Hill Start Control (HSC) ใช้งานง่ายมาก เพียงย้ำเบรคหน้าเข้ามา ที่เหลือรถจะค้างตำแหน่งเบรคให้เอง จนกว่าจะออกตัวใหม่ (สำหรับผมใช้บ่อยมาก รถน้ำหนักขนาดนี้ จอดพื้นเอียงนิดนึงนี่ ไหลทีรู้เรื่อง)
- Headlight Pro, Adaptive Headlight ที่ปรับองศาการส่องสว่างตามการเลี้ยวของรถได้ (ด้วยการเปิดไฟเพิ่มในโคม)
- Daytime Running Light (DRL) เพิ่มความชัดเจนให้กับตัวรถในการขับขี่
- Reverse Gear มีเกียร์ถอยหลังมาด้วยนะ … สบายเลย ใช้งานง่ายเพียงกดแป้นที่ขาซ้าย และกดปุ่ม start รถก็จะถอยให้เองแล้ว … ฟิน
- Anti Theft alarm system กันขโมยหน่ะแหล่ะนะ
- Riding Mode แบบ Rock n’ Roll ! (Rock – คันเร่งตอบสนองเต็ม, Rain – ทอนให้หน่วงไว้หน่อยนึง, Roll – ขี่ชิว ลอยลำสบาย นุ่มนวล)
- Adaptive Cruise Control (ACC) ชะลอความเร็วให้เอง (ตั้งระยะได้) และเร่งความเร็วกลับให้อัตโนมัติ
- Dynamic Brake Control – คุมแรงดันเบรคหน้าหลังให้ เพื่อช่วยรักษาสมดุลของตัวรถ
- Partial Integral ABS – บีบเบรคหน้า หลังประคองให้เอง
- Anti Hopping Clutch – ง่ายๆว่า slipper clutch นั่นแหล่ะครับ
- Automatic Stability Control (ASC) ช่วยรักษาสมดุลการหมุนของล้อให้เวลาต้องผ่านสภาพเส้นทางที่เปลี่ยนแปลงไปมา
- Dynamic Engine Control (MSR) ตัดแรงส่งจากเครื่องยนต์ เมื่อทำการเบรคฉุกเฉิน … หรือจะเรียกว่า “เบรคกำคลัช” จาก BMW เพราะ BMW มั่นใจว่าเบรคอย่างเดียวเอาอยู่ ถ้าเอาเครื่องยนต์เข้ามาด้วยจะเป็นภาระในการเบรคซะเปล่าๆ
สัดส่วน 163 cm กับ R 18 หล่ะเป็นยังไง
“เต็มเท้า” แบบงงๆ ไม่ได้คาดคิดเลยหล่ะครับ ว่าจะวางเท้าได้เต็มกับ BMW R 18 คันนี้
ซ้าย – กับ R 18 / R 18 Classic ลงได้เต็มเท้าสองข้างสบายๆ
ขวา – กับ R 18 Bagger / R 18 Transcontinental ที่ลงได้ครึ่งเท้า ซึ่งต้องบอกว่าจริงๆแล้วความสูงของรถหน่ะเท่ากัน แต่เบาะของรุ่นใหญ่ กระบังลมหน้า นั้น “หนา และนุ่มกว่า” นิดหน่อย ที่ทำให้ความสูงขณะคร่อมรถเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
โหนสุดกับ “Ape Hanger” เต็มกับอารมณ์ที่ส่งตรงได้ทันทีที่สตาร์ทเครื่อง
R 18 + Ape Hanger
ต้องบอกว่าเป็นคันที่ผม “เสียวที่สุด” เลยหล่ะครับ กับแฮนด์ Ape Hanger (โหน) ที่ดูสูง และด้วยสัดส่วนของผมที่ 163 cm พร้อมช่วงแขนสั้นๆนี่บอกเลยว่า “เสียวมาก” ด้วยน้ำหนักรถประมาณ 340 กว่า kg กับแฮนด์ที่ต้องเอื้ม … จะรอดมั้ยเนี่ย
แล้วก็นะ … มาให้ขี่เป็นคันแรกของคราวนี้เลย !!!
ทำใจนิ่งๆ ก้าวขึ้นไปบนรถ และเอื้อมไปจับแฮนด์ … เอ๊ะ ได้แฮะ กลับกลายเป็นว่ารู้สึกพอดี ไม่ได้ลำบากอะไร ยกรถขึ้นตั้งตรงแบบไม่ได้เป็นภาระอะไรเลย ตำแหน่งเบาะที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้ผมวางเท้าได้สบายๆ ทั้ง 2 ข้าง และทันทีที่สตาร์ทเครื่องยนต์ boxer ขนาด 1802 cc ก็ทำให้ยิ้มขึ้นมาได้แบบไม่รู้ตัว
เพราะอารมณ์ของเครื่อง boxer air-cooled นั้นส่งอาการส่าย (แบบสนุก) มาทันทีที่สตาร์ท … ลองบลิปคันเร่งเบาๆ จะรู้สึกได้ถึงจังหวะส่ายซ้ายขวาอยู่ข้างล่าง ที่อื้มมม ขอเบิ้ลอีกนิดนะ ชอบแฮะ
ก้านคลัช และก้านเบรคขนาดใหญ่ จัดว่านุ่มเลยหล่ะครับ แต่รู้สึกว่า กำคลัช 4 นิ้วแล้วรู้สึกดีกับ R 18 มากกว่า (จากปกติใช้ 2 หรือ 1 นิ้ว) รู้สึกเต็มมือ และแน่นหนา .. รวมๆแล้วแค่รู้สึกดีเฉยๆเลย
ชุดแฮนด์ Ape Hanger ที่ผมเสียว กลายเป็น สบาย แบบแปลกๆ ตำแหน่งวางมือ แขนมันพอดีกับสรีระผมแบบบอกไม่ถูก …ไม่เหมือนที่เคยขับขี่มาก่อนเลย BMW วางองศาของการยึดแฮนด์ และตำแหน่งแฮนด์ออกมาได้ดีจริงๆ
โหนเบาๆกับ “Mini Ape” กระชับ และคล่องตัวขึ้นอีกนิด
สรีระของแฮนด์ “Mini Ape” ที่โหนนะ แต่ไม่รู้สึกสูงจนเกินไป ให้องศาการขับขี่ที่รู้สึกกระชับขึ้นอีกนิดนึง เหมือนจะขี่ง่ายขึ้น แต่กลายเป็นว่าสำหรับผมรู้สึกว่าอาการของรถส่งมาที่ร่างกายมากกว่า Ape Hanger ซะอย่างนั้น
บนย่านความเร็วในช่วง 100-120 km/hr ลมที่ปะทะมา กลับรู้สึกต้านมากกว่า Ape Hanger แต่แตกต่างกันที่ความรู้สึกที่กระชับ ทัศนวิสัย ที่กว้างขึ้น เคลียร์ขึ้น และรู้สึกใช้ร่างกายส่วนบนได้คล่องตัวมากกว่า Ape Hanger เล็กน้อย
Anti Hopping Clutch ช่วยคุมอาการหลังล็อคจากการเปลี่ยนเกียร์ลงได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว แม้ว่าจะกดเกียร์รวดเดียว 3 เกียร์ อาจจะยังมีเสียงเอี๊ยดอ๊าด บ้างเล็กน้อย แต่ก็นะ แรงบิดมหาศาลขนาดนี้ ถือว่าดีมากแล้ว
ถ้าเทียบกับรถที่ไม่มี Anti Hopping Clutch หล่ะก็ รู้เรื่องเลย ล้อหลังจะออกอาการเอี๊ยด และแถได้นิดๆเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าบนการขับขี่ปกติเราจะไม่ได้กดเกียร์หนักแบบนี้ แต่อย่างน้อยก็รู้แล้วหล่ะว่า ถ้าอยากสนุกด้วยการเชนเกียร์ให้รถดึงหนักๆ กับ R 18 ทำได้แบบสบายใจ เพราะตัวรถจะคอยช่วยประคองอาการให้เราไปอีกขั้นนึงด้วยนั่นเอง
สัมผัสความรู้สึกอลังการกับ “Beach Bar” ที่กว้างสุดแขน
เป็นท่าการขับขี่ที่รู้สึกต้องนั่งแหกๆ ยังไงก็ไม่รู้ เอื้อมก็เอื้อม แทบจะสุดแขนเลยทีเดียว เลี้ยวแคบๆครั้งแรกนี่อย่างเสียว … แต่เอ๊ะ …
แม้ว่าตัวรถจะมีน้ำหนักกว่า 345 kg บวกกับแฮนด์ “Beach Bar” สุดกว้างขนาดนี้ กลับเลี้ยวทำมุมแคบได้ง่าย ด้วย Balance ของรถที่จัดได้ว่า “ดีมาก” ให้สมดุลที่ความเร็วต่ำได้ดีจนน่าแปลกใจ … แต่ด้วยสัดส่วนของผมที่ 163 cm ช่วงขา 70 cm หล่ะก็ (ช่วงแขนไม่รู้แฮะ) ขยับตัวไปข้างหน้าให้ชิดถังน้ำมันนิดนึง จะรู้สึกมั่นใจกับการหักแฮนด์ได้มากขึ้นเยอะเลยหล่ะครับ
คันเร่งของ R 18 จะรู้สึกหนักนิดๆ (เมื่อเทียบกับรถสปอร์ต หรือรถถนนทั่วไปที่พิกัด 1000 cc) แต่ให้ความรู้สึกที่แน่น นุ่ม ลื่นมือ ซึ่งตรงนี้ทำให้การคุมคันเร่งของ R 18 ทำได้ง่าย และช่วยให้การเดินคันเร่งที่ความเร็วต่ำทำได้อย่างมั่นใจไปด้วยเช่นกัน
“430 kg” ของรุ่นใหญ่ แต่ปราดเปรียวอย่างน่าประทับใจกับ R 18 Transcontinental
ด้วยพื้นฐานของเฟรมที่เพิ่มส่วนรับน้ำหนักเพื่อรองรับกับตัวรถที่อลังการมากขึ้น มาเต็มกับอุปกรณ์ทุกอย่างที่ BMW จะสามารถใส่เข้ามาได้บนรถคันนี้ ครบครัน แม้กระทั่ง “โซฟา” สุดนุ่มสำหรับคนซ้อน และแป้นพักเท้าขนาดใหญ่ให้วางเท้าได้แบบเต็มๆ
ความสูงพื้นฐานของตัวรถ R 18 Transcontinental นั้นไม่แตกต่างกัน แต่มีการเสริมเบาะให้หนา และนุ่มขึ้นเพื่อให้ได้ความสบายของการขับขี่ระยะทางไกลอย่างแท้จริง พร้อมระบบ Adaptive Cruise Control ที่ต้องบอกว่า “สบาย” กดตั้งระยะ เปิดระบบ จบ รถเร่ง และชะลอให้เอง
ด้วยแรงบิดมหาศาลของ ขุมพลัง 1802 cc กับเครื่องยนต์ Boxer วางนอนนั้น ให้แรงบิดที่ “ทรงพลัง” ในย่าน 2,000 -4,000 rpm เรียกว่ามากันแบบนิ่มๆ ตั้งแต่เปิดคันเร่งเลยครับ
ด้วยเครื่องยนต์บล็อคเดียวกันทั้งหมด แต่กับ R 18 Transcontinental นั้นน้ำหนักตัวเยอะกว่าเพื่อน ทำให้รู้สึกได้ว่า ช่วงเดินคันเร่งจะนุ่มกว่าคันอื่น ในโหมด Roll … แต่ถ้าเปิด Rock เมื่อไหร่หล่ะก็ “รู้เรื่องเลยเหมือนกัน”
มิติของตัวรถนั้น … พอๆกับรถตุ๊กๆ เลยหล่ะครับ เต็มแน่นไปหมด น้ำหนักรถกว่า 430 kg ที่แน่นเต็มคันนี้นั้น “คิดมาอย่างดี” ด้วยการปรับตำแหน่งของจุดยึดแฮนด์ และชุดกันสะเทือนหน้าหลัง ที่ให้องศาของมุมล้อ (caster) ที่เปลี่ยนไป
กลายเป็นว่า R 18 Transcontinental เป็นรถที่เลี้ยวง่ายมาก และให้เสถียรภาพในการขับขี่ที่ดีกว่า R 18 ซะอย่างนั้น … ช่วงการเลี้ยว การพลิกรถทำได้ง่าย และไม่ต้องใช้แรงอะไรเลย “อยากจะนุ่มก็ได้ อยากจะแรงก็พร้อมจัด”
“400 kg” ของความอลังการ กับมาดกวนๆกับ R 18 Bagger
แทบไม่แตกต่างกันเลยหล่ะครับระหว่าง R 18 Transcontinental และ R 18 Bagger ด้วยพื้นฐานเดียวกัน แต่น้ำหนักที่แตกต่างกันนั้น ทำให้ R 18 Bagger ให้ความรู้สึกที่ “พลิกซ้ายขวา ต่อเนื่อง” ได้คล่องตัวกว่าแค่นั้นเอง
บนย่านความเร็วสูง กระบังลมหน้าขนาดใหญ่ พร้อมบังลมหน้าแบบ Low profile ให้ทัศนวิสัยที่ดี และตัดลมได้อย่างหมดจด ย่านความเร็ว 120 km/hr บน R 18 Bagger นั้น “ชิวมาก” การจัดการลมที่ดียังคงมีลมบางส่วนที่ไหลมาที่ตัวอยู่บ้าง “แต่ดีแล้วหล่ะครับ” ไม่งั้น ชุดหนังทั้งตัวแบบนี้ แย่แน่ !
สำหรับผม การขับขี่ไปกับ R 18 Bagger ให้ความรู้สึกที่กวนๆ แบบบอกไม่ถูก จะว่ารถใหญ่ (ก็ใหญ่จริง) แต่คล่องตัวดี พลิกไปมาต่อเนื่องได้แบบ ไม่รู้สึกติดขัดอะไรเลย เป็นรถที่ขี่แล้ว รู้สึกสนุกได้แบบงงๆ ส่วนนึงน่าจะเพราะ น้ำหนักรถที่เยอะ แต่ศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ช่วงแฮนด์ที่ลงตัว และระยะฐานล้อที่พอดี พอรวมกันทั้งหมดแล้ว R 18 Bagger เป็นรถที่ขับขี่ได้คล่องตัวมากเลยหล่ะครับ
กลับสู่ความดิบ เรียบง่าย แต่ลงตัวกับ R 18 Classic
R 18 Classic กับท่านั่งที่สบาย เป็นมิตรที่สุด (สำหรับผม) พร้อมด้วยบังลมหน้าขนาดใหญ่
ต้องเรียกว่าโชคดีเลยหล่ะครับ ที่ได้ขับขี่ R 18 Classic เป็นคันสุดท้าย เพราะไปๆมาๆ กลายเป็นคันที่ผมรู้สึกว่าลงตัวที่สุดสำหรับผมเลยทีเดียว
ท่านั่งที่กระชับเข้ากับสรีระผมแบบพอดี ชิวหน้าใสๆ อันนั้นก็เพียงพอแล้วกับการจัดการกับลมบนย่านความเร็วเดินทางของผม กับ R 18 Classic ตอบสนองกับการขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน หรือจะออกไปรับอารมณ์ของการเดินทางเมื่อไหร่ก็ “ทำได้ทันที”
การขับขี่ไปกับ R 18 Classic ที่มีวงล้อหน้าที่เล็กกว่ารุ่นอื่นๆ คือ 16” (รุ่นอื่น 19”) เท่ากันทั้งหน้า-หลัง ยังคงให้เสถียรภาพการขับขี่ที่ดี และตอบสนองได้ง่าย ขับขี่ได้คล่องตัวไปด้วยกัน … ไม่รู้สินะ แค่รู้สึกว่า ลงตัวที่สุดสำหรับผมเลยหล่ะ
จะมีที่ติดขัดที่สุดกับ R 18 ทุกรุ่น ก็เห็นจะมีเพียงแค่ตำแหน่งของพักเท้า คันเกียร์ คันเบรค เนี่ยแหล่ะครับ ที่จะชิดกับเครื่องยนต์ ทำให้บางครั้งก็เตะโดนเครื่องบ้าง เตะเกียร์พลาดบ้าง … แต่ถ้าได้ขับขี่สัก 2-3 เดือน … ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย ~ (ขอบคุณ BMW Motorrad ล่วงหน้าด้วยนะครับ .. แฮ่ !)
หลากหลายอารมณ์ที่เลือกได้ดั่งใจกับ BMW R 18, R 18 Bagger, และ R 18 Transcontinental “First Edition”
เหมาะกับใคร คงไม่ต้องคิดมาก เพราะ R 18 ทุกคันปรับแต่งอารมณ์ความต้องการของการขับขี่ เลือกปรุงแต่งได้ดั่งใจ หรือถ้ายังไม่พอ … ของแต่งมีอีกเพียบ อยากจะใส่เพิ่มเติมอะไรเพื่อให้บ่งบอกตัวตนของตัวเองนั้นหน่ะเหรอ … ง่ายมาก
หลากหลายอารมณ์ที่เลือกได้ดั่งใจกับ BMW R 18, R 18 Bagger, และ R 18 Transcontinental “First Edition”
เหมาะกับใคร คงไม่ต้องคิดมาก เพราะ R 18 ทุกคันปรับแต่งอารมณ์ความต้องการของการขับขี่ เลือกปรุงแต่งได้ดั่งใจ หรือถ้ายังไม่พอ … ของแต่งมีอีกเพียบ อยากจะใส่เพิ่มเติมอะไรเพื่อให้บ่งบอกตัวตนของตัวเองนั้นหน่ะเหรอ … ง่ายมาก
Comments